คู่มือการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายฉบับสมบูรณ์
โดย INFINOX
7 มีนาคม 2565
ถึงเวลาอ่าน
0 mins
กลยุทธ์การซื้อขายเป็นวิธีคิดที่เป็นระบบในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ทางการเงิน โดยกลยุทธ์จะขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงิน, ความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้, และการวิเคราะห์ตลาดของคุณ
การซื้อขายโดยไม่มีกลยุทธ์ก็เหมือนกับการปิดตาปาเป้าโดยหวังลมๆแล้งๆว่าลูกดอกจะเข้ากลางเป้า คุณอาจหลงทางท่ามกลางตัวเลขจำนวนมหาศาล หรือมีอารมณ์ขึ้นๆลงๆตามการซื้อขาย กลยุทธ์การซื้อขายจะช่วยนำทางคุณในการตัดสินใจอย่างเยือกเย็นท่ามกลางสถานการณ์รอบตัวที่บ้าคลั่ง
คู่มือฉบับนี้จะช่วยตอบคำถามที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ที่ว่า: กลยุทธ์การซื้อขายคืออะไรกันแน่? รวมถึงแสดงตัวอย่างกลยุทธ์การซื้อขายที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้งานกันจริงๆ และแนวคิดเบื้องหลังของกลยุทธ์นั้นๆ หากคุณต้องการวางรากฐานสำหรับการซื้อขายในอนาคตของคุณ นี่คือสิ่งที่คุณควรจะต้องรู้
บทความโดยสรุป:
- กลยุทธ์การซื้อขายเป็นการนำระบบระเบียบมาสู่การตัดสินใจของคุณ โดยกลยุทธ์จะสร้างสรรค์ขึ้นบนรากฐานของเป้าหมายทางการเงิน, ความเสี่ยงที่คุณรับได้ และการเคลื่อนไหวของตลาด
- กลยุทธ์การซื้อขายส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับการระบุแพทเทิร์นการเคลื่อนไหวของตลาด เช่นแนวโน้มของราคา
- แพทเทิร์นเหล่านี้จะถูกระบุโดยใช้ indicator และเครื่องมือการวิเคราะห์ต่างๆ
- เทรดเดอร์บางคนชอบที่จะซื้อขายโดยใช้ข่าวและเหตุการณ์ต่างๆเป็นตัวกำหนด
- กลยุทธ์การซื้อขายบางประเภทใช้การซื้อขายหลายครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นกลยุทธแบบ day trading, swing trading หรือ scalping
- หรือกลยุทธ์การซื้อขายที่ใช้ระยะเวลายาวนานขึ้นมา เช่น position trading
อะไรคือกลยุทธ์การซื้อขาย?
กลยุทธ์การซื้อขาย คือระบบคิดในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ทางการเงิน ซึ่งปกติแล้วจะประกอบด้วยเงื่อนไขในการเข้าซื้อขายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยกลยุทธ์ของเทรดเดอร์แต่ละคนจะแตกต่างกันไปตามสินทรัพย์ที่ตนเองซื้อขาย, นิสัยและความชอบส่วนบุคล
อธิบายง่ายๆ กลยุทธ์การซื้อขายคือการสร้างระบบในการตัดสินใจขึ้นมาบนพื้นฐานของเป้าหมายทางการเงิน, สินทรัพย์ที่คุณต้องการซื้อขาย, ความเสี่ยงที่คุณรับได้ รวมถึงปัจจัยและเครื่องมือที่คุณใช้วิเคราะห์ตลาด
ถึงแม้กลยุทธ์การซื้อขายจะมีให้เลือกใช้มากมายหลายแบบ แต่ทุกกลยุทธ์ต่างก็ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของแนวคิดใดแนวคิดหนึ่ง มาดูกันว่าเราสามารถปรับใช้แนวคิดเหล่านี้ในการซื้อขายสินทรัพย์ ตัวอย่างเช่น ทองคำ ได้อย่างไร
Trend trading
กลยุทธ์ Trend trading เป็นการเข้าซื้อขายในเวลาที่ราคาสินทรัพย์มีเทรนด์ หรือทิศทางการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนว่าเป็นขาขึ้น หรือขาลงในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งเมื่อสามารถระบุแนวโน้มราคาได้แล้ว เทรดเดอร์จะทำการซื้อขายไปตามแนวโน้มนั้นๆ
ดัชนี DAX ของเยอรมันอยู่ในขาลง
ถ้าหากแนวโน้มราคาเป็นขาขึ้น คุณจะทำการซื้อสินทรัพย์ แต่ถ้าหากแนวโน้มราคาเป็นขาลง คุณขาย โดยกลยุทธ์นี้มีแนวคิดที่ว่าเมื่อแนวโน้มราคาเกิดขึ้นแล้ว แนวโน้มนั้นจะคงอยู่ได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง
โดยแนวโน้มขาขึ้น จะมีวิธีสังเกตดังนี้: เมื่อราคาสามารถทำจุด high ใหม่ที่ยกตัวสูงขึ้นกว่า high เดิม รวมถึงมีจุด low ของรอบที่สูงขึ้นกว่า low ที่แล้ว ส่วนแนวโน้มขาลงก็จะตรงกันข้ามกัน high ใหม่อยู่ต่ำกว่า high เดิม และ low ใหม่ ก็อยู่ต่ำกว่า low เดิม ในการคุณซื้อขายในขณะที่ตลาดเคลื่อนกำลังไหวเป็นแนวโน้ม คุณควรรอให้ราคามีการย่อตัวก่อนจะเปิดสถานะในทิศทางเดียวกับแนวโน้มใหญ่
Range trading
Range trading เป็นกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในกรอบที่สร้างขึ้นโดยการกำหนดจุดขึ้นมา 2 จุด ในราคาสินทรัพย์ โดยกลยุทธ์นี้มักจะถูกนำมาใช้เมื่อราคาสินทรัพย์เคลื่อนไหวขึ้นลงอยู่ในกรอบมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง จุดสูงสุดของกรอบราคานั้นจะเรียกว่าแนวต้าน และจุดต่ำสุดของราคาเรียกว่าแนวรับ
EUR/USD มีการซื้อขายอยู่ในกรอบ
ขั้นแรกในการซื้อขายแบบ range trading ก็คือมองหาจุดที่ราคาสินทรัพย์มีการเคลื่อนไหวขึ้นลงอยู่ในกรอบมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยเทรดเดอร์จะทำการซื้อขายภายใต้แนวคิดที่ว่าราคาจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบนั้นต่อไป หรือเมื่อเทรดเดอร์คิดว่าราคามีโอกาสที่จะพุ่งทะลุแนวรับหรือแนวต้านเดิมขึ้นมา
ตัวอย่างการซื้อขายแบบ Range trading: ราคาทองคำเคลื่อนไหวไปมาตามปกติ แต่คุณสังเกตว่าราคาไม่เคยพุ่งเกินกว่า 1,900USD เลย ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยตกลงมาต่ำกว่า 1,750USD ดังนั้น เป็นการดีที่คุณจะเปิด long เมื่อราคาทองปรับตัวลงมาใกล้กับแนวรับ (1,750USD) หรือเปิด short เมื่อราคาพุ่งขึ้นมาใกล้กับแนวต้าน (1,900USD)
Breakout trading
กลยุทธ์ Breakout trading มักจะถูกนำมาใช้เมื่อราคามีการพุ่งทะลุแนวรับหรือแนวต้านขึ้นมาพร้อมเริ่มมีการฟอร์มตัวเป็นแนวโน้ม โดยแนวคิดของกลยุทธ์นี้ก็คือ คุณจะเข้าซื้อหรือขายต่อเมื่อราคาปรับตัวออกจากกรอบเดิมๆได้ หรือเมื่อราคามีการพุ่งทะลุแนวรับหรือแนวต้าน โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นการพุ่งทะลุอย่างรุนแรง
ราคาทองคำสามารถพุ่งทะลุแนวต้านขึ้นมาได้
ตัวอย่างเช่น เมื่อราคาสินทรัพย์หนึ่งไม่เคยสูงไปกว่า 10USD นั่นคือแนวต้าน คุณจะรอให้ราคาพุ่งทะลุ 10USD ให้ได้ซะก่อนถึงจะเข้าซื้อขาย ซึ่งการที่ราคาพุ่งทะลุแนวต้านขึ้นมานั้น เราจะเรียกกันอีกอย่างว่า การเบรกแนวต้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้น และมีโอกาสสูงมากที่ราคาจะพุ่งไปต่อ
ตัวอย่างการซื้อขายแบบ Breakout trading: ราคาทองคำมีการเบรกแนวต้านเดิมที่ 1,900USD ขึ้นไปอยู่ที่ 1,930USD เทรดเดอร์จึงได้เปิดสถานะ long ในทองคำเพราะคาดว่าราคาทองจะพุ่งขึ้นต่อไป ในทางกลับกัน ถ้าราคาทองคำมีการหลุดแนวรับ เทรดเดอร์ก็จะเปิดสถานะ short แทน โดยปกติแล้วถ้าตลาดมีการเบรกแนวรับหรือแนวต้านเกิดขึ้น มักจะเป็นการบอกเราว่าตลาดได้เลือกทางที่จะไปต่อแล้ว
Reverse trading
กลยุทธ์ Reverse trading เป็นการซื้อขายเมื่อตลาดมีการเคลื่อนตัวในทิศทางที่ตรงข้ามกับแนวโน้มหลัก ซึ่งการเคลื่อนไหวแบบนี้เรามักจะเรียกว่า "การกลับตัว", "การย่อตัว"(กรณีขาขึ้น) หรือ "การดีดกลับ"(กรณีขาลง)
ดัชนี DAX ของเยอรมันมีการย่อตัวลงหลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นมาเป็นเวลาหลายวัน
แนวคิดของการซื้อขายแบบนี้ก็คือ เมื่อตลาดกำลังอยู่ในขาขึ้น และมีการกลับตัวเกิดขึ้น จะทำให้เทรดเดอร์หลายคนที่เห็นการกลับตัวเลือกที่จะขายสินทรัพย์ที่ตัวเองถือไว้ออกมา หรืออาจถึงขั้นเปิดสถานะ short ตาม มีข้อสังเกตว่าหากการกลับตัวดำเนินต่อไปเป็นระยะเวลานานพอ อาจส่งผลกระทบให้ตลาดถึงขั้นมีการเปลี่ยนแนวโน้มหลักได้
ตัวอย่างการซื้อขายแบบ Reverse trading: ราคาของเป็นขาขึ้นมาระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งมาถึงแนวต้านที่ 1,900USD ซึ่งเป็นจุดที่เกิดการกลับตัว ทำให้ราคาทองตกลงอย่างรุนแรงจนแนวโน้มขาลงเริ่มก่อตัวขึ้น
News trading
ตลาดการเงินมักจะถูกชักนำได้ด้วยข่าวและข้อมูลต่างๆ อยู่เสมอ (แน่นอนว่ารวมถึงทวิตเตอร์ของอีลอน มัสก์) โดยเฉพาะข่าวที่แทบจะอัพเดตนาทีต่อนาทีเป็นหนึ่งในปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อราคาสินทรัพย์ต่างๆ
ตัวอย่างเช่น ราคาน้ำมันมักจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัจจัยภายนอก เช่น กำลังการผลิตน้ำมัน, สภาพความไม่แน่นอนทางการเมือง, ความต้องการจากตลาดโลก รวมถึงสถานการณ์ COVID-19 โดยมีเทรดเดอร์จำนวนหนึ่งที่ติดตามข่าวสถานการณ์ต่างๆอย่างกระตือรือล้น พร้อมทำการซื้อขายตามการคาดการณ์ของตนเองว่าข่าวต่างๆ จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้างกับสินทรัพย์ที่ตนเองสนใจ และหัวใจของการซื้อขายโดยใช้กลยุทธ์ News trading คือความเร็ว อัพเดตข่าวสารก่อน ตัดสินใจก่อน และลงมือก่อนที่คนอื่นจะได้ตอบสนองกับข่าว
ตัวอย่างการซื้อขายแบบ News trading: จากความกลัวว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นนำไปสู่ความต้องการซื้อทองที่เพิ่มมากขึ้น(เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่นิยมใช้เป็นที่หลบภัยจากเงินเฟ้อ) ส่งผลให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้น
เคล็ดลับสำหรับ News trading ก็คือ หมั่นอัพเดตข่าวสารใหม่ๆอยู่เสมอ โดยใช้บทวิเคราะห์ของเราที่สรุปข่าวรอบโลกพร้อมผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับตลาดการเงินมาให้คุณ
ประเภทของกลยุทธ์การซื้อขาย
หลังจากที่เราได้ปูพื้นฐานแนวคิดของกลยุทธ์การซื้อขายที่ช่วยชี้นำการตัดสินใจในตลาดให้คุณไปแล้ว คราวนี้เราจะมาดูตัวอย่างของกลยุทธ์การซื้อขายที่คุณสามารถนำไปใช้ได้เมื่อคุณซื้อขาย forex, สินค้าโภคภัณฑ์, หุ้น หรือสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ
Day trading
Day trading คือกลยุทธ์ที่คุณจะทำการซื้อขายให้จบภายในวัน ไม่มีการถือสถานะข้ามคืน หรือมีก็เป็นส่วนน้อยเพราะคุณมองว่าการถือสถานะนานไปคือความเสี่ยง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่คุณเลือกซื้อขาย เช่น คุณซื้อหุ้นตัวหนึ่งมาเต็มพอร์ทและถือข้ามคืนไว้ แต่ในเช้าวันถัดมาหุ้นตัวนั้นมีการเปิดกระโดดลงอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้พอร์ทของคุณเสียหายอย่างหนัก หรืออาจถึงขั้นโดน margin call(โบรกเกอร์บังคับให้คุณต้องฝากเงินหลักประกันเพิ่ม ในกรณีที่ใช้มาร์จิน)ได้
ในการใช้กลยุทธ์นี้คุณควรจะเผ้าจับตาตลาดอยู่ตลอดเวลา รวมถึงดูกราฟราคาและ indicator ต่างๆบนแพลตฟอร์มการซื้อขาย เช่น MT4 หรืออาจจับตาสินทรัพย์ทางการเงินมากกว่า 1 สินทรัพย์ในเวลาเดียวกันเพื่อหาสัญญาณสำหรับการเข้าซื้อ ซึ่งยิ่งเทรดเดอร์มีความคุ้นเคยกับตลาดหรือสินทรัพย์มากเท่าไหร่ การวิเคราะห์และคาดการณ์ของเทรดเดอร์ก็จะยิ่งแม่นยำขึ้นเท่านั้น
Day trader จะไม่ค่อยให้ความสนใจข่าวสารต่างๆมากนัก แต่จะสนใจมองหาแพทเทิร์นของราคาในระยะสั้นๆ เช่น แนวโน้มต่างๆ หรือแนวรับ, แนวต้านมากกว่า
Position trading
Position trading จะใช้สัญญาณการซื้อขายทั้งจากแนวโน้มหลัก, การกลับตัว หรือแม้แต่การเบรกแนวต้าน โดยเทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์นี้จะคอยเฝ้าดูกราฟราคาทั้งเป็นวัน, เป็นสัปดาห์ หรือบางครั้งอาจจะเป็นเดือน เพื่อมองหาแพทเทิร์นการเคลื่อนไหวของราคาที่จะเข้าทำการซื้อขาย หลังจากที่ซื้อสินทรัพย์ที่สนใจแล้ว เทรดเดอร์มักจะถือสินทรัพย์ไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะขายออกไป
ด้วยการใช้กลยุทธ์แบบนี้ เทรดเดอร์จะสามารถเกาะไปกับแนวโน้มของราคาทั้งขาขึ้นหรือขาลงเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับ day trader โดย position trader มักจะมีการซื้อขายไม่บ่อยนักในปีหนึ่งๆ นอกจากนี้พวกเขายังไม่ค่อยให้ความสนใจแนวโน้มราคาระยะสั้นเท่าไหร่นัก ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อสินทรัพย์ที่ตนถือไว้
การซื้อขายประเภทนี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ไม่ค่อยมีเวลาในการเฝ้าตลาด โดยอาศัยการวางแผนการซื้อขายไว้ล่วงหน้า และเมื่อตลาดเข้าเงื่อนไข ก็แค่ทำตามแผนที่วางไว้
Swing trading
Swing trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายในระยะสั้น-กลาง โดยกลยุทธนี้จะอยู่ตรงกลางระหว่าง day trading และ position trading เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ประเภทนี้จะมองหาการสวิงของราคาในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ ทำให้ swing trader จะทำการซื้อขายหลายครั้งในหว่างสัปดาห์ หรือระหว่างเดือน ไม่เหมือนกับ day trader ที่มีการซื้อขายหลายครั้งใน 1 วัน หรือ position trader ที่มักถือสถานะเป็นระยะเวลานาน
swing trader จะโฟกัสกับการมองหาการสวิงของราคาทั้งในขาขึ้นและขาลงเพื่อหาจังหวะเข้าซื้อขาย ซึ่งถึงแม้ว่า swing trader มักจะทำการซื้อขายหลายครั้งในชั่วระยะเวลาหนึ่งๆ แต่ก็มีบางวันที่ไม่มีการซื้อขายใดๆเกิดขึ้นเลยเช่นกัน
Scalping
Scalping เป็นแนวคิดของการมองหาความไม่สมดุลย์กันของอุปสงค์และอุปทานของสินทรัพย์หนึ่งๆที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ บางครั้งคำว่าสั้นในที่นี้บางครั้งอาจหมายถึงระยะเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น! ซึ่งความไม่สมดุลย์นี้อาจทำให้สเปรดระหว่างราคา bid-ask ถ่างกว้างขึ้นหรือแคบลงในระยะเวลาสั้นๆ โดย scalper มักจะหลีกเลี่ยงสินทรัพย์ที่มีสเปรดราคาสูงๆ เพื่องจากสเปรดที่สูงจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลกำไรและขาดทุนของ scalper
การซื้อขายประเภทนี้อาจมองได้ว่าเป็นประเภทย่อยของ day trading แต่ว่าการจะอ่านตลาดและหาระยะเวลาสั้นๆสำหรับการซื้อขายประเภทนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก ทำให้ scalper มักจะเป็นเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์สูง รวมถึงใช้เครื่องมือเช่นโปรแกรมและอัลกอริทึมช่วยในการซื้อขาย
บทสรุป
เราได้ให้ตัวอย่างของกลยุทธ์การซื้อขาย รวมถึงแนวคิดพื้นฐานต่างๆกับคุณไปแล้ว การที่คุณจะเลือกใช้กลยุทธ์แบบใดนั้นเป็นเรื่องของนิสัยและความชอบส่วนบุคล โดยคุณสามารถเปิดบัญชี demo กับเราเพื่อค้นหาว่ากลยุทธ์ใดเหมาะสมกับคุณมากที่สุด
ไม่ว่าคุณจะใช้กลยุทธ์แบบไหน จะซื้อขายจบภายในระยะเวลาสั้นๆ หรือถือสถานะเป็นระยะเวลานานๆ จำไว้ว่าความเสี่ยงสูงสุดคือเท่ากับจำนวนเงินทั้งหมดที่คุณมีในบัญชีซื้อขาย เมื่อไหร่ที่คุณหาจุดสมดุลย์ระหว่างความเสี่ยงที่คุณได้รับและผลตอบแทนที่คุณคาดหวังได้ลงตัว เมื่อนั้นคุณก็มีโอกาสมากขึ้นที่จะทำกำไร
แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรแน่นอนในตลาด ไม่ว่าคุณจะใช้กลยุทธ์ที่ดีเลิศขนาดไหน การขาดทุนก็จะต้องเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หากคุณฝึกฝนตัวเองตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นมือใหม่ให้คิดและซื้อขายอย่างมีกลยุทธ์เสมอ ในระยะยาวแล้ วเมื่อคุณมองย้อนกลับมาคุณจะนึกขอบคุณตัวเองที่เริ่มต้นกับการซื้อขายโดยมีกลยุทธ์รองรับอย่างแน่นอน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขาย
อะไรคือกลยุทธ์การซื้อขายที่ดีที่สุด?
กลยุทธ์การซื้อขายที่ดีที่สุดคือกลยุทธ์ที่ช่วยให้คุณสามารถบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับตัวคุณได้ โดยคอนเซ็ปต์ที่สำคัญของการซื้อขายก็คือการบริหารเงินในบัญชีตามข้อจำกัดของตัวคุณเอง และตามความเสี่ยงที่คุณสามารถยอมรับได้
อะไรคือกลยุทธ์การซื้อขายที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่?
การซื้อขายตามแนวโน้มหรือ Trend trading เป็นกลยุทธที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้น เพราะคุณสามารถให้ความสนใจไปที่จุดจุดเดียว คือคุณแค่ต้องระบุให้ได้ว่าแนวโน้มกำลังเป็นขาขึ้นหรือขาลง แล้วซื้อขายตามแนวโน้มนั้น
เราสามารถทำเงินโดยใช้กลยุทธ์การซื้อขายได้หรือไม่?
ไม่มีกลยุทธ์แบบใดที่รับประกันผลกำไร เนื่องจากตลาดเป็นที่ที่ผันผวนและบ้าคลั่ง ซึ่งคุณจะต้องพบกับการขาดทุนอยู่บ้างไม่วันใดก็วันหนึ่ง อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การซื้อขายจะมอบวิธีคิดอย่างเป็นระบบให้กับคุณ ซึ่งช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาด
เราจะเลือกกลยุทธ์ที่ใช่สำหรับตัวเองได้อย่างไร?
การเลือกกลยุทธ์ที่ถูกต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของตลาดในช่วงนั้นๆ รวมถึงผลการวิเคราะห์และประเมินตลาดของคุณเอง การตัดสินใจของคุณจะขึ้นอยู่กับว่าในขณะนั้นตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มแบบใด, อยู่ในกรอบไหน กำลังกลับตัว หรือกำลังเบรกแนวต้าน โดยเมื่อไหร่ที่คุณเริ่มคุ้นเคยกับเทคนิคและการวิเคราะห์แล้ว เมื่อนั้นคุณจะระบุสภาพของตลาดได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
*บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น (และไม่ควรถือว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นๆ, INFINOX ไม่ได้รับอนุญาตให้คำแนะนำในการลงทุน ไม่มีความเห็นใดในเนื้อหาที่ถือว่าเป็นคำแนะนำจาก INFINOX หรือผู้เขียนบทความที่ถือว่าเป็นกลยุทธ์การลงทุน, การทำธุรกรรมหรือการลงทุนเฉพาะใด ๆ นั้นเหมาะสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะเท่านั้น